ข่าวส่วนกลาง
กอร.พระราชพิธีฯ แถลงความพร้อมการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ
๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๐

        วันนี้ (13 ต.ค.60) เวลา 13.30 น. กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (กอร.พระราชพิธีฯ) แถลงข่าวเรื่องการซักซ้อมริ้วขบวนพระราชอิสริยยศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ จุดคัดรองและการปิดเส้นทางจราจร การอำนวยความสะดวกด้านอาหารน้ำดื่ม และการอำนวยความสะดวกด้านการแพทย์ พล.ต.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ได้เปิดเผยถึงการซักซ้อมริ้วขบวนพระราชอิสริยยศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ว่าได้มีการวางแผนในการดำเนินการ 3 ขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกกำลังคน การฝึกร่างกาย และการซักซ้อม โดยเริ่มคัดเลือกกำลังพลที่มีสุขภาพแข็งแรงดีและมีความสูงเฉลี่ย 160 – 165 เซนติเมตร เพื่อให้ภาพรวมของริ้วขบวนมีความสวยงาม ด้านการซักซ้อมได้มีการจัดซ้อม 2 แบบ คือ แบบแยกกันฝึก คือ การฝึกในพื้นที่ของแต่ละหน่วยโดยมีครูฝึกจากกองทัพภาคที่ 1 และการฝึกแบบที่ 2 คือ การฝึกแบบรวมกัน โดยนำกำลังพลทั้งหมดมาฝึกร่วมกันจำนวน 5 ครั้ง ในครั้งแรกและครั้งที่ 2 ฝึกที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ฯ ครั้งที่ 3 – 5 จัดฝึกที่สถานที่จริง ที่ผ่านมาการฝึกในพื้นที่จริงในวันที่ 7 ตุลาคม 2560 ได้ดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับครั้งที่ 2 จะมีการฝึกในวันที่ 15 ตุลาคมนี้

        สำหรับรายละเอียดเรื่องริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 1 (วันที่ 26 ต.ค.60) เริ่มเวลาประมาณ 08.00 น. ริ้วขบวนที่ ๑ เชิญพระโกศทองใหญ่โดยพระยานมาศสามลำคาน จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ผ่านทางประตูเทวาภิรมย์ ใช้เส้นทางถนนมหาราช ถนนท้ายวัง มุ่งไปถนนสนามไชย และเชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถ บริเวณหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ริ้วขบวนที่ 2 เริ่ม 09.09 น.  เชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถโดยเกรินบันไดนาค จากหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ไปทางถนนสนามไชย ยาตราขบวนแห่เชิญพระโกศทองใหญ่ จากถนนสนามไชย เข้าสู่ถนนราชดำเนินใน จากนั้น ขบวนพระบรมราชอิสริยยศแห่เชิญพระโกศทองใหญ่เข้าสู่ท้องสนามหลวง ริ้วขบวนที่ 3 เริ่มเวลาประมาณ 11.10 น. เชิญพระโกศทองใหญ่ลงจากพระมหาพิชัยราชรถโดยเกรินบันไดนาค ประดิษฐานพระโกศทองใหญ่บนราชรถปืนใหญ่ ตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศ เข้าสู่ราชวัติ เวียนพระเมรุมาศโดยอุตราวัฏ (เวียนซ้าย) ๓ รอบ จากนั้นเทียบราชรถปืนใหญ่ที่เกรินบันไดนาคพระเมรุมาศเชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐาน ณ พระจิตกาธาน ริ้วขบวนที่ 4 (วันที่ 27 ต.ค.60) เวลา 09.30 น. เชิญพระโกศ      พระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยานและเชิญพระบรมราชสรีรางคารขึ้นประดิษฐานในพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยจากพระเมรุมาศเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ริ้วขบวนที่ 5 (วันที่ 29 ต.ค.60) เวลา 10.00 น. เชิญพระโกศพระบรมอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยาน จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทและริ้วขบวนที่ 6 (วันที่ 29 ต.ค.60) เวลา 17.00 น. ขบวนกองทหารม้า เชิญพระบรมราชสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่งออกจากพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี ไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ขบวนกองทหารม้า เชิญพระบรมราชสีรางคาร จากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปบรรจุ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร

        ด้านนายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้ช่วยปลัดกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงการอำนวยความสะดวก อาหารน้ำดื่มประชาชนที่จะมาร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ว่า กรุงเทพมหานครได้จัดจุดบริการอาหารและน้ำดื่มไว้ 119 จุด นอกจากนั้นยังมีบริการรถสุขากว่า 70 คันและห้องสุขาเคลื่อนที่กว่า 150 ตู้ สำหรับการรักษาความปลอดภัยได้มีกล้อง CCTV รอบมณฑลพิธี 1,177 ตัว และเตรียมติดตั้งจอ LED ที่พระเมรุมาศจำลองทั่วกรุงเทพมหานคร 9 จุด    พร้อมติดตั้งโทรทัศน์ในวัด 62 แห่งเพื่อชมการถ่ายทอดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ นอกจากนี้ ยังได้จัดที่พักโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เช่น วัดและโรงเรียนเพื่อรองรับประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

        ในส่วนการบริการด้านการแพทย์ นายณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้ชี้แจงว่า ได้วางจุดบริการทางการแพทย์ไว้ 21 จุด โดยรอบพื้นที่สนามหลวงและมณฑลพิธี และ 113 จุดในพื้นที่ถวายดอกไม้จันทน์และพระเมรุมาศจำลอง ทั้งนี้ยังแนะนำให้ประชาชนเขียนชื่อ – นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และพกยาประจำตัวติดตัวมาด้วย พร้อมเน้นย้ำให้พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนเข้ามาในพื้นที่พระราชพิธีและหากมีปัญหาด้านสุขภาพในงานพระราชพิธีให้สังเกตเครื่องหมายกากบาทสีแดง หรือ เครื่องหมายกาชาด และหากมีเหตุฉุกเฉินโทรสายด่วน 1669

        ทางด้าน พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงการเข้าชมงานพระราชพิธีของประชาชนมีการตั้งจุดคัดกรองไว้ 29 จุด พื้นที่ชั้นใน 9 จุดสำคัญ และพื้นที่ชั้นนอกตลอดถนนราชดำเนินและถนนสนามไชย รวม 20 จุด พร้อมขอให้ประชาชนที่จะเข้ามาในพื้นที่ใช้รถรับส่งที่จัดเตรียมไว้เพื่อความสะดวกด้านการจราจร โดยผู้ที่เดินทางจากภาคเหนือและ อีสาน ให้นั่งรถรับส่งที่ ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต เมืองทองธานี สโมสรตำรวจ ศูนย์ราชการ   แจ้งวัฒนะ ภาคตะวันออกที่ เมกะบางนา อิเกีย และ ไบเทคบางนา ภาคตะวันตกที่ เซ็นทรัลเวสเกต เซ็นทรัลศาลายา และ พุทธมณฑล ภาคใต้ ที่เซ็นทรัลพระราม2 โดยรถจะมาส่งใน 5 จุดเท่านั้น คือที่ สนามม้านางเลิ้ง บ้านมนังคศิลา แยกวิสุทธิกษัตริย์ ปากคลองตลาด แยกอรุณอัมรินทร์  จากนั้นประชาชนจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนผ่านจุดคัดกรองและเดินเท้าเข้าในพื้นที่พระราชพิธี โดยเจ้าหน้าที่จะเปิดจุดคัดกรองให้เข้าพื้นที่ได้ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 15 ต.ค.60 เพื่อชมการซ้อมขบวนพระราชอิสริยยศและวันที่ 2๕ ต.ค.60 ตั้งแต่เวลา 05.00น. ในวันงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

 

 

Top